top of page

น้ำกลั่น Distilled water และ น้ำกลั่นบริสุทธิ์ Deionized Water ต่างกันหรือไม่

Distilled Water จะเป็นน้ำกลั่น ซึ่งเกิดจากขบวนการต้มน้ำจนเป็นไอ และกลั่นตัวมาเป็นรูปแบบของเหลวอีกครั้ง จึงเรียกว่า น้ำกลั่น ปกติที่กลั่นโดยวิธีธรรมดานี้ Distilled Water จะไม่สามารถกำจัดแอมโมเนีย หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ น้ำที่กลั่นใหม่ๆ จะมีค่า Conductivity ประมาณ 1 – 2 µS/cm และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 – 4 µS/cm หลังจากเก็บไว้ 2 – 3 สัปดาห์

Deionized Water ( DI Water ) การนำน้ำมาผ่านการขจัดไอออนออกด้วย Ion-Exchange Resin และ/หรือ Reverse Osmosis ทำให้ได้คุณภาพน้ำที่แทบจะไม่มีประจุไอออนหลงเหลือ และมีค่า Conductivity ประมาณ 0.5 – 1.0 µS/cm

MAY High Purity DI Water ผลิตด้วยระบบ Reverse Osmosis (RO), Electro-deionization (EDI) และ Ultraviolet Water Purifier (UV)


ระบบ Reverse Osmosis (RO) สามารถกำจัดสาร อินทรีย์วัตถุเช่น คอลลอยด์, แบคทีเรีย, ไวรัสที่อยู่ในน้ำ รวมไปถึงสารประกอบอนินทรีย์ที่ทำให้เกิดประจุไออออนของเกลือแร่ต่างๆ


ระบบ.Electro-deionization.(EDI).เป็นระบบที่ประกอบด้วย Ion-selective membranes, Ion-exchange resin และแรงดันไฟฟ้าที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกันในการกำจัดประจุไอออนของเเกลือแร่ต่างๆของสารอนินทรีย์, สารละลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 และแอมโมเนีย NH3 ซึ่งทำให้น้ำที่กลั่นออกมามีค่าความบริสุทธิสูงและมีคุณภาพคงที่สม่ำเสมอ


น้ำกลั่นของเรามีค่าการนำไฟฟ้า (Conductivity).หลังระบบ EDI ≤ 0.1 ไมโครซีเมนต์ต่อซม. หรือ


0.01.มิลลิซีเมนต์ต่อเมตร. ทำให้น้ำมีคุณภาพสูงกว่าค่าที่กำหนดใน มอก.1287–2538.

ซึ่งเป็น มอก. สำหรับน้ำใช้ในห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ (Water for analytical laboratory use)


น้ำกลั่นบริสุทธิ์ปราศจากไอออน MAY มีคุณภาพสูง เหมาะสำหรับห้องแล็บ งานผลิตเครื่องสำอาง ทำความสะอาดอุปกรณ์การแพทย์ งานชุบจิวเวลรี่ ผสมสี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ชิ้นงานที่ดีที่สุด ช่วยควบคุมคุณภาพของเครื่องสำอาง และสีสันให้คงที่ ช่วยยืดอายุการทำงานของแบตเตอรี่ ช่วยให้งานชุบโลหะมีคุณภาพชิ้นงานที่ดี ควบคุมความหนาของชิ้นงานได้สม่ำเสมอ และทำให้งานวิเคราะห์ในห้อง LAB มีความแม่นยำมากขึ้น

Comments


bottom of page